หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
DBS
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
“บวกจากเฟดนิวยอร์กหนุนลดดอกเบี้ย แต่น้ำมันลงต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +4.59 จุด ปิดที่ 1723.44 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 54.8 พันล้านบาท ดัชนีฯกลับมารีบาวด์หลังปรับตัวลงมาหลายวัน สวนตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน แม้ปัจจัยลบยังปกคลุมคือ กังวลสงครามการค้า น้ำมันร่วงแรง บาทอ่อนหลังมาตรการธปท. และติดตามผลประกอบการกลุ่มแบงค์ ผู้ซื้อสุทธิคือ ต่างชาติ 1.4 พันล้านบาท ส่วนรายย่อยซื้อเล็กน้อย ขายสุทธิเป็น สถาบัน 1.4 พันล้านบาท โบรกเกอร์ขายเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติเป็นซื้อสุทธิเพิ่มเป็น 60.3 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ปัจจัยแวดล้อมดีขึ้น เฟดนิวยอร์กมีถ้อยแถลงสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ Fed Watch มีเสียงส่วนใหญ่ คาดปรับลด 0.25% ในการประชุมFOMC 31 ก.ค.62 ขณะที่ตัวเลขการขอสวัสดิการครั้งแรกและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจออกมาอ่อน ส่วนรมว.คลังสหรัฐชี้แจงเจรจาการค้ากับจีนยังดำเนินอยู่ บาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าอยู่ในโซนเขียว แต่ปัจจัยลบยังเป็นราคาน้ำมันที่ปรับลงต่อเนื่อง หลังสต็อกสหรัฐสูงกว่าคาด แม้มีข่าวความตึงเครียดอิหร่าน ที่ไปยึดเรือน้ำมัน
# ระยะสั้นคาด SET มีโอกาสแกว่งขึ้น กลยุทธ์ คือ การเก็งกำไร เข้าไว-ออกไว เพราะยังวางใจไม่ได้ แนวต้านเป็น 1730-1740 จุด แนวรับที่ 1710-1700 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม เป้าหมายดัชนีระยะยาวเป็น 1750 จุด ด้วย P/E ที่ 17.4 เท่า (Median+1 SD) หลังจัดตั้งครม.ประยุทธ์ 2 สำเร็จ มีโอกาสจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแถลงนโยบาย 25 ก.ค.นี้ กลุ่มหลักทรัพย์ที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะนำ ซื้อเก็งกำไรดังนี้ พาณิชย์- CPALL, BJC รับเหมาก่อสร้าง- CK, STEC นิคมฯ-AMATA, ROJNA, WHA ท่องเที่ยว- MINT ขนส่ง AOT,BTS, BEM สื่อสาร- ADVANC,JAS ไฟแนนซ์- KKP, MTC, TISCO, TCAP และสื่อ- VGI
# Stock Pick Today : TU คาดการณ์กำไรหลัก 2Q62 เป็น 1.5 พันล้านบาท (+51%YoY, +40%QoQ) เพราะมาร์จิ้นดีขึ้น ทั้งนี้แม้ว่ารายได้จะอ่อนลงเพราะบาทแข็ง แต่ราคาวัตถุดิบทูน่าลดลง 38%YoY (ใน 1Q61 ลดลง 25%YoY) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 16.1% ใน 2Q62F จาก 13.8% ใน 2Q61 และจาก 14.9% ใน 1Q62 มีการตั้งสำรองผลตอบแทนพนักงานตามกฎหมายใหม่ใน 2Q62F ประมาณ 200 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายจะเป็น 1.3 พันล้านบาท แต่ก็ยังเติบโตแข็งแกร่ง YoY คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 20.80 บาท ซึ่งอิงกับ P/E ปีนี้ที่ 17 เท่า (-0.5SD) การที่เงินบาททยอยอ่อนค่า ก็จะทำให้รายได้สกุลบาทปรับตัวดีขึ้น
 
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนจะเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”ใต้“SMA10วัน” (และถูกกดดันจาก“สภาวะ Overbought” ในระดับที่มีนัยสำคัญ และ“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” (มีแรงหนุนจาก “แนวรับย่อย” + “สภาวะOversoldในกราฟรายนาที) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1730 – 1735 (หรือ 1740) จุด {แนวรับย่อย “1710 / 1700” จุด}
สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New High เข้ามาใหม่คือ JMT,DTAC,RATCH,PLANB,UTP หุ้นที่ยังอยู่ในลิสต์ คือ NOBLE,RJH,NER,ECL,EPG,BAFS,TU,COM7 หุ้นที่หลุดลิสต์ คือ ไม่มี หุ้นที่ควร Take Profit คือ WICE,TISCO Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
 
 
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Flash Note : BBL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 250.00)
IVL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 56.00)
SCB (ถือ -ราคาพื้นฐาน 138.00)
In The News : ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่านหนุนราคาน้ำมันระยะสั้น
ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : คาด MACO-W2 ติด Cash Balance ใช้สัปดาห์หน้า
 
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เฟด: เฟดนิวยอร์กกล่าวสุนทรพจน์ควรปรับลดดอกเบี้ย
# นายวิลเลียมส์ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการเฟดที่มีสิทธิ์ออกเสียงในการลงมติการประชุม ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของ Central Bank Research Association ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า การใช้มาตรการป้องกันเอาไว้ก่อนที่จะเกิดหายนะนั้น ถือเป็นแนวทางที่ดีกว่า และเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำขณะนี้ สิ่งที่ควรทำก็คือ รีบดำเนินการอย่างรวดเร็ว และเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ยาวนานขึ้น
# การแสดงความเห็นของนายวิลเลียมส์เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ โดยในการสำรวจล่าสุด พบว่า FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 65.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 2.25-2.50% และมีโอกาส 34.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%สู่ระดับ 1.75-2.00%
 
• เจรจาการค้า: ยังอยู่ในช่วงการเจรจา หัวเหว่ยไม่ใช่ข้อขัดแย้งหลัก
# นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนได้เจรจาการค้าผ่านทางการสนทนาทางโทรศัพท์เป็นวันที่ 2 เมื่อวานนี้ พร้อมกับกล่าวว่า เรื่องของหัวเว่ยไม่ใช่ข้อขัดแย้งหลักของการเจรจา แต่เสริมว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงมีประเด็นที่ซับซ้อนที่ต้องเจรจากันอีกมาก
 
+สหรัฐ: ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการครั้งแรกเพิ่มตามคาด ส่วนดัชนีชี้นำเศรษฐกิจปรับตัวลง
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการร่วงลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
 
+ ดาวโจนส์: ปรับขึ้น ขานรับเฟดนิวยอร์คสนับสนุนลดดอกเบี้ย
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,222.97 จุด เพิ่มขึ้น 3.12 จุด หรือ +0.01% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่
2,995.11 จุด เพิ่มขึ้น 10.69 จุด หรือ +0.36% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,207.24 จุด เพิ่มขึ้น 22.04 จุด หรือ +0.27%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ที่ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยให้ตลาดดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงในช่วงแรก อันเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเน็ตฟลิกซ์
 
- น้ำมัน: ปรับลง สต็อคลดน้อยกว่าคาด แม้มีข่าวอิหร่านยึดเรือน้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 55.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ปีนี้
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.73 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 61.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ปีนี้
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้ฉุดสัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน และยังได้บดบังปัจจัยบวกรายงานข่าวที่ว่า อิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันในช่องแคบฮอร์มุซก็ตาม
 
• ทองคำ: ปรับขึ้นดี หลังดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. พิ่มขึ้น 4.80 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่1,428.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 6 ปี หรือนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.2556
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) หลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆซึ่งช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับราคาทองคำ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
 
• นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจประจำสัปดาห์นี้
# ส่วนในคืนนี้ มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐประจำเดือนก.ค. ในเวลา 21.00น.ตามเวลาไทย
 
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม มิ.ย.62 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า
# ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมิ.ย.62 อยู่ที่ระดับ 94.5 ปรับตัวลดลงจาก 95.9 ในเดือนพ.ค.62 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้การดำเนินนโยบายภาครัฐ และการใช้จ่ายงบประมาณชะลอตัว กระทบต่อการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่เงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ส่งผลด้านลบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของภาคการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศเป็นหลัก ทำให้ประเทศผู้นำเข้าขอลดราคาสินค้าลง
 
• ส.อ.ท.ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
# ประธานคณะกรรมการสายงานแรงงาน ส.อ.ท. แสดงความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ400 บาททันที เนื่องจากไม่สามารถตอบโจทย์ใน 3 ประเด็น คือ 1.การยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับผู้ใช้แรงงาน 2.การพัฒนาคุณภาพ SMEs เพราะจะเป็นการเพิ่มต้นทุนที่อาจส่งผลให้ต้องปิดกิจการหรือเลิกจ้าง และ
3.การแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวประมาณ 3.7 ล้านคน
 
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
 
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่านหนุนราคาน้ำมันระยะสั้น
 
• เรือรบสหรัฐยิงโดรนอิหร่าน - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แถลงที่ทำเนียบขาวว่า เรือรบ USS Boxer ของกองทัพเรือสหรัฐ ได้ยิงทำลายโดรนลำหนึ่งของอิหร่านซึ่งคุกคามเรือรบของสหรัฐ โดยอยู่บินห่างจากเรือรบภายในระยะ 1,000 หลา และไม่สนใจคำเตือนหลายครั้งของสหรัฐ และระบุว่าโดรนลำดังกล่าวคุกคามความปลอดภัยของเรือและลูกเรือของสหรัฐ ซึ่งการยิงโดรนดังกล่าวถือเป็นการป้องกันตัว
 
• เช้านี้ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้น 1.2-1.3% – เช้าวันนี้ (19 ก.ค.) ราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดขึ้น +1.2% และ BRENT+1.3% เป็น 56 ดอลลาร์ และ 62.7 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ เราคาดว่าประเด็นความขัดแย้งของสหรัฐกับอิหร่านและความไม่สงบในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันในระยะสั้น
 
• หุ้นเด่นเป็น PTTEP – สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันมากที่สุด คือ PTTEP (ราคาพื้นฐาน159 บาท) รองลงมาเป็น PTT (ราคาพื้นฐาน 53 บาท) ส่วนกลุ่มโรงกลั่นจะได้ประโยชน์จากมูลค่าสต๊อกที่ดีขึ้นเมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น แต่ค่าการกลั่นขึ้นกับอุปสงค์และอุปทาน และในบางเวลาราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นค่าการกลั่นจะลดลงได้ถ้าราคาน้ำมันสำเร็จรูปขยับขึ้นได้น้อยกว่า
 
• การวิเคราะห์ทางเทคนิค PTTEP – แนะนำซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวกและราคาหุ้นสูงกว่า 135 บาท แนวต้านระยะสั้น 140-145 บาท ค่าลบของราคาหุ้นให้ Wait & See เพราะมีโอกาสลงไปยัง 130-127, 125 บาท
 
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
 
 
 
 
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!